
รถแข่ง Bentley Continental GT3 Pikes Peak อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการเตรียมการสำหรับการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและน่าติดตามที่สุดรายการหนึ่งของโลก โดยตัวรถได้ผ่านการทดสอบด้านพลศาสตร์กว่า 3 ขั้นตอน และผ่านการพัฒนาเครื่องยนต์แบบใช้พลังงานหมนุนเวียนเป็นที่เรียบร้อย
เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค คือ อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยตัวรถได้นำเสนอการเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนของกลยุทธ์ “Beyond100” ที่ถือเป็นพลวัตและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแบรนด์เบนท์ลีย์สู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูที่ยั่งยืนชั้นนำของโลก สำหรับการแข่งขันในรายการ ไพค์สพีค อินเตอร์เนชั่นแนล ฮิลล์ ไคลมป์ เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีคจะลงแข่งด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งถือเป็นการริเริ่มโปรแกรมการพัฒนาและการวิจัยที่มีจุดประสงค์ในการนำเสนอการใช้พลังงานหมุนเวียนคู่ขนานไปกับโปรแกรมการใช้พลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้า


ข้อมูลเชิงเทคนิคของเดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค
จุดเริ่มต้นการแข่งขันที่ความสูง 9,300 ฟุต ผู้เข้าแข่งขันต้องขับรถแข่งขึ้นไปที่ความสูงกว่า 14,100 ฟุต ที่ความหนาแน่นของอากาศน้อยกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3 เท่า ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ได้รับการปรับแต่งระบบแอร์โรไดนามิค ตัวโครงรถ และเครื่องยนต์ เพื่อให้ เดอะ คอนติเนนทัล จีที เป็นอัครยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเบนท์ลีย์



เครื่องยนต์ทำงานด้วยพลังงานหมุนเวียนสำหรับน้ำมันที่มีค่าออกเทน 98RON โดยน้ำมันได้ผ่านกรรมวิธีผสมเข้ากับเชื้อเพลิงชีวภาพชนิดพิเศษที่คิดค้นมาโดยเฉพาะสำหรับการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญทางเทคโนโลยีสู่การใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างยั่งยืน พร้อมกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงถึง 85% เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงติดตั้งระบบระบายความร้อน โดยสำหรับในการแข่งขันไพค์สพีค ทีมวิศวกรได้พัฒนาระบบระบายความร้อนระบบที่ 2 ติดตั้งบริเวณด้านหลังตัวรถ ช่องระบายอากาศติดตั้งทดแทนหน้าต่างด้านหลัง และช่องอากาศผ่านหม้อน้ำตัวที่ 2 ซึ่งปล่อยควันเสียผ่านท่อภายในฝากระโปรงหลัง โดยระบบจะทำงานผ่านหม้อน้ำตัวที่ 2



ชุดเกียร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการแข่งขันของเบนท์ลีย์ โดยถูกออกแบบมาให้สามารถควบคุมแรงบิด โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางของเพลาขับหลังที่มีขนาดเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความทนทาน ชุดเกียร์ทำงานด้วยน้ำมันหล่อลื่นถูกคิดค้นมาเป็นพิเศษสำหรับรถแข่งโดย Mobil1 ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์โครงรถได้ถูกติดตั้งและปรับแต่งให้เข้ากับการแข่งขันในรายการไพค์สพีค โดยโครงรถด้านหน้าและด้านหลังช่วยลดการโคลงเคลงของตัวรถ โดยเพิ่มสมรรถนะในการเลี้ยวรถด้วยความเร็วต่ำ สปริงส์แบบนุ่มและเหล็กกันโคลงได้ถูกติดตั้งเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเคลื่อนที่และเพิ่มน้ำหนักในการเบรก เบรกติดตั้งระบบหล่อเย็น เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ในขณะแข่งขัน

การดัดแปลงระบบแอร์โรไดนามิคพิสูจน์ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของแรงกดกว่า 30% ในการทดสอบช่วงแรกในระดับน้ำทะเล ในขณะที่ยังคงรักษาสมดุลของแอร์โรไดนามิคบริเวณส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถ สปอยเลอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังถูกติดตั้งได้อย่างลงตัวบริเวณส่วนท้ายของตัวรถด้านบนดิฟฟิวเซอร์ภายใต้กันชนท้ายของตัวรถรอบระบบส่งกำลัง สำหรับการรักษาสมดุลระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถนั้น อุปกรณ์ได้ถูกติดตั้งร่วมกับระบบแอร์โรไดนามิคบริเวณส่วนหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยชิ้นส่วนด้านหน้าสองชิ้น ขนาบข้างด้วยอีกสองชิ้นแยกกัน อุปกรณ์เหล่านี้ผลิตด้วยเส้นใยไนลอนคาร์บอนด้วยการพัฒนาจากต้นแบบและเทคนิคพิเศษจากโรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์
เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ตกแต่งในลวดลายรถแข่ง ด้วยการผสมผสานของธีมเฉดสีดำและทอง โดย โรเจอร์ คลาร์ก มอเตอร์สปอร์ต (Roger Clark Motorsport) ประเทศอังกฤษ พร้อมกับกราฟิกรูปภูเขาไพค์สพีคอันโดดเด่น ซึ่งเป็นลวดลายเดียวกันบนอัครยนตรกรรม เบ็นเทก้า และ คอนติเนนทัล จีที


โปรแกรมการทดสอบแบบคู่ขนานสองโปรแกรมได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในขณะที่ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค เดินทางมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวรถได้ถูกนำไปทดสอบการพัฒนาการติดตั้งตัวโคลงรถผ่าน 2 การทดสอบ ณ วิลโลว์สปริงส์ แคลิฟอร์เนีย และการทดสอบบนระดับความสูงได้ดำเนินการที่ แอสเพน โคโลราโด่ โดยเป็นการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์และการเทียบค่ามาตรฐาน และในขณะเดียวกัน ทีม M-Sport ก็ได้ดำเนินการพัฒนาเครื่องยนต์ในสนามทดสอบ ด้วยการประเมินสมรรถนะของการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เบนท์ลีย์เลือกใช้สำหรับการแข่งขัน
สำหรับการทำลายสถิติ เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ต้องขับขึ้นที่ความสูงกว่า 5000 ฟุต ซึ่งประกอบด้วย 156 โค้ง ด้วยความเร็วเฉลี่ยมากกว่า 78 ไมล์ต่อชั่วโมงเพื่อที่จะเข้าเส้นชัยภายในเวลาที่น้อยกว่า 9 นาที 36 วินาที โดยมีอดีตผู้ชนะการแข่งขันไพค์สพีคติดต่อกัน 3 รายการ และราชาแห่งขุนเขา รีส มิลเล็น (Rhys Millen) กลับมาลงชิงชัยให้กับเบนท์ลีย์อีกครั้ง ซึ่งรีส มิลเล็น (Rhys Millen) ได้เคยทำสถิติการแข่งขันด้วยความเร็ว (Time Attack) กับอัครยนตรกรรมเอสยูวี เบ็นเทก้า เครื่องยนต์รุ่น W12 (Bentayga W12) ในปี พ.ศ. 2561 และ คอนติเนนทัล จีที ในปี พ.ศ. 2562 มาแล้ว